ในระยะที่ผ่านมา หลายท่านคงเริ่มคุ้นหูกับคําว่า “เศรษฐกิจดิจิทัล” (Digital economy) ที่เป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลปัจจุบันใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งหัวใจสําคัญของนโยบายนี้ก็คือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) เข้ากับกระบวนการและกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในด้านต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับในการแข่งขัน โดยตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดคงหนีไม่พ้น“พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า e-Commerce ที่เป็นการดําเนินธุรกิจซื้อขายสินค้าและบริการโดยใช้สื่อและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก
หากเราจะมองหาต้นแบบของประเทศที่ประสบความสําเร็จในเรื่องของ e-Commerce และเป็นประเทศที่ใกล้กับไทยแล้ว ประเทศจีนถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่น่าศึกษา ว่าทําไมจีนถึงสามารถพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Marketplace) ให้เติบโตจนก้าวสู่ระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว
การใช้คําว่า “ระดับโลก” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะ e-Commerce ของจีนมีการเติบโตรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2546-2554 มีการเติบโตต่อปีเฉลี่ยสูงถึง 120 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว จนทําให้ในปัจจุบัน จีนได้ก้าวกระโดดจนกลายเป็นประเทศที่มียอดการซื้อขายสินค้าออนไลน์สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกแทนที่สหรัฐอเมริกาความสําเร็จนี้ได้นําไปสู่คําถามสําคัญที่ว่า อะไรที่ทําให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นําในด้านการค้าแบบ e-Commerce ของโลกได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี
จะเห็นว่าช่องทาง e-Commerce สามารถช่วยผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและเล็กให้สามารถการขายสินค้าได้มากขึ้น โดยไม่ได้จํากัดแต่เฉพาะตลาดในจีนเท่านั้น ยังสามารถขยายโอกาสไปถึงตลาดต่างประเทศได้โดยไม่จําเป็นต้องเปิดหน้าร้านในประเทศนั้นๆ เช่น ประเทศไทยที่มีผู้ชื้อให้ความสนใจในการซื้อสินค้าออนไลน์จากจีนมากขึ้น ซึ่งจะเรียกว่าเป็นการส่งเสริมการส่งออกด้วยก็คงไม่ผิดนัก นอกจากนี้ จากประสบการณ์ของจีน ยังทําให้เราได้เห็นประเด็นที่น่าสนใจอีกว่า การซื้อขายออนไลน์ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคู่แข่งกับร้านค้าแบบดั้งเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้วการเติบโตของ e-Commerceกลับส่งผลดีต่อธุรกิจร้านค้าแบบดั้งเดิมด้วย ซึ่งสาเหตุเป็นเพราะร้านค้าแบบดั้งเดิมจํานวนมากจําเป็นต้องปรับตัว โดยหันมาใช้กลยุทธ์ในการเสนอสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งทําให้ร้านค้าแบบดั้งเดิมของตนเองเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย ทําให้การซื้อขายของทั้งสองช่องทางเติบโตขึ้นในทิศทางเดียวกัน
เมื่อหันกลับมามองประเทศไทย ในยุคที่รัฐบาลกําลังผลักดันนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อให้ประเทศมีโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะด้าน IT ที่ทันสมัย สามารถเชื่อมโยงกับตลาดโลกได้ ถือเป็นโอกาสทองที่จะช่วยให้ธุรกิจทั้งรายใหญ่และ SMEs สามารถใช้ช่องทาง e-Commerce สร้างโอกาส ขยายตลาดสร้างมูลค่าและรายได้ให้กับธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ช่วยลดขั้นตอนและต้นทุนต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าและการส่งออก เช่น การเป็ดร้านที่มีต้นทุนสูง และการต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง เป็นต้น ซึ่งหากธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SMEs ที่มีสัดส่วนเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ประเทศใช้ e-Commerce ในการรุกเข้าสู่ตลาดโลกได้ ก็อาจจะเป็นตัวจุดประกายที่สําคัญให้การส่งออกของไทยกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
แต่การที่ไทยเราจะก้าวไปสู่จุดนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ทุกภาคส่วนสําคัญที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันในการผลักดัน e-Commerce อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องการพัฒนานวัตกรรมและรูปแบบการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว และการมีระบบการชําระเงินที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยรองรับ รวมไปถึงการส่งเสริมให้คนไทยมีการซื้อขายสินค้าออนไลน์มากขึ้นด้วยเหล่านี้จะช่วยให้ e-Commerce กลายเป็นช่องทางการค้าสมัยใหม่ที่น่าสนใจของภาคธุรกิจไทย ทั้งการค้าขายภายในประเทศและการค้าขายระหว่างประเทศในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
การทำตลาดสมัยใหม่นี้เป็นการตลาดความสัมพันธ์ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นสำคัญ การตลาดเชิงธุรกิจหรือการตลาดเชิงอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นองค์กรหรือสถาบัน และการตลาดเชิงสังคมที่มุ่งเน้นประโยชน์ต่อสังคม นอกจากนี้การตลาดรูปแบบใหม่นี้ได้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์ค้นหาข้อมูล การโฆษณาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ การตลาดยุคสมัยใหม่นี้พยายามทำกลยุทธ์การแบ่งกลุ่มลูกค้าให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ซึ่งถือเป็นกระบวนการหนึ่งของการตลาดแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังเป็นการกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้มีความแม่นยำชัดเจนมากยิ่งขึ้น การตลาดผ่านอินเทอร์เน็ตนั้นไม่ได้หมายถึงการทำตลาดอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการตลาดผ่านอีเมล สื่อไร้สาย และการผลักดันผู้คนที่ได้บริโภคสื่ออย่างวิทยุ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ซึ่งเป็นการตลาดแบบดั้งเดิมเข้าไปสู่อินเทอร์เน็ตหรือหน้าเว็บไซต์ต่างๆอีกด้วย
การเติบโตของตลาด e-Commerce ถือเป็นเชื้อเพลิงหลักให้กับการซื้อขายออนไลน์ โดยปัจจุบันนักลงทุนหลายๆรายต่างเริ่มสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจ e-Commerce กันมากขึ้น ทำให้ผู้เล่นปัจจุบันต้องพัฒนาเกมและแผนการตลาดของตนเองโดยใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลมาช่วย เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อทำการตลาดแบบระบุกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะตลาดสินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น เสื้อผ้าคนอ้วน, เสื้อผ้า-รองเท้ากีฬา, อุปกรณ์ทำสวน เป็นต้น ซึ่งสินค้าเฉพาะกลุ่มเหล่านี้มีกำลังซื้อสูงมาก โดยเฉพาะหากสินค้านั้นๆมีคุณภาพด้วยแล้วก็จะสามารถชนะใจลูกค้ากลุ่มนี้ได้ง่ายๆ และสามารถแสดงความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆได้
สังคมแห่งยุคเทคโนโลยีสารสนเทศนับวันจะเจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด ทุกวิชาชีพล้วนแล้วแต่มุ่งสู่สังคมอินเทอร์เน็ต มีการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์หน่วยงานหรือบริษัทของตนว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้ประชาชนได้เชื่อถือหน่วยงานเป็นเบื้องแรก และเริ่มนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการให้ข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนเริ่มพัฒนาอย่างจริงจังเพื่อสร้างมูลค่าให้กับเว็บไซต์ (Web Site) มากยิ่งขึ้น จากจุดนี้เองในเมื่อบริษัทเริ่มมีเว็บไซต์เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในเบื้องแรกคือ จะทำอย่างไรจึงจะทำให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย คลิกเข้ามายังเว็บไซต์บริษัทของเราเพื่อจะได้ตัดสินใจซื้อสินค้า หรือเลือกชมสินค้าได้ตามความพอใจ





